หากจะไม่พูดถึง มาร์ค ชัคเกอร์เบิร์ก มหาเศรษฐีของโลกที่อายุน้อยที่สุดและมาแรงที่สุดในเวลานี้ เขาคือหนุ่มวัยเพียง 26 ปี แต่สามารถประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ผู้สร้างตำนาน "คนที่อายุน้อยที่สุดที่รวยติดอันดับโลก" จากการก่อตั้งและพัฒนาเครือข่ายออนไลน์ Facebook.com ก็อาจจะดูหลงยุคไปสักหน่อย
มาร์คเริ่มก่อตั้งเว็บไซต์ Faceb๐ok.com เมื่อ 7 ปีก่อน ขณะที่เขาอายุได้เพียง 19 ปี และยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอยู่ในขณะนั้น โดยอาศัยสมุดแนะนำตัวนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เรียกกันในมหาวิทยาลัยว่า "เฟชบุ๊ค" ที่เรียกได้ว่าทุกคนต้องมี
ก่อนหน้านั้น มาร์คได้ค้นพบจุดอ่อนที่ทำให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้รู้จักกันช้า และไม่มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างทันใจ เพราะติดเงื่อนไขต่างๆ มากมาย รวมถึงจะจัดปาร์ตี้กันแต่ละทีหรือมีกิจกรรมอะไรแต่ละครั้ง ก็ต้องไปดูที่บอร์ดเอา เขาจึงคิดว่า "ก็แล้วทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้นล่ะ?"
ต่อมาเขาจึงคิดระบบโปรแกรมเครือข่ายออนไลน์ขึ้นมาและใช้ชื่อว่า "เฟซบุ๊ค" ด้วยความต้องการที่จะย่นเวลา เปิดทางใหม่ๆ ให้คนได้รู้จักกันมากขึ้น ง่ายขึ้น จากห้องนอนที่หอพักของเขานั่นเอง แล้วก็อย่างที่เราก็รู้ๆ กันว่าเฟชบุ๊คได้กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยปากต่อปากและพุ่งสูงความนิยมนอกมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดออกไปทั่วโลก ได้รับความนิยมยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก
แต่แล้วหลังจากที่เขาเห็นแววว่าเฟชบุ๊คจะได้รับความนิยมและในที่สนใจจกคนทั่วไปแน่นอน เขาก็ได้หยุดเรียนกลางคันเพื่อออกมาพัฒนาเว็บไซต์เฟซบุ๊คร่วมกับเพื่อนแบบเต็มที่ หลังจากนั้นพียง 2 ปี เว็บไซต์เฟชบุ๊คก็เริ่มมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเข้าถึงข้อมูล รูปถ่าย และติดตามความเป็นไปของสมาชิกแต่ละคนได้อย่างสะดวก
จนในที่สุดเว็บไซต์เฟชบุ๊คก็กลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง และเป็นเครือข่ายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผู้ใช้บริการไปแล้วกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก
เฟซบุ๊คสร้างรายได้ให้กับมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก อย่างมากมายจนเขากลายเป็นมหาเศรษฐีในเวลาอันรวดเร็ว เขาเคยถูกถามบ่อยๆ ในทุกที่ที่เขาไปว่า "เขาทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้" ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะพูดแต่ครั้งนี้เขาบอกเคล็ดลับไว้ว่า
"เรื่องจริงเกี่ยวกับเฟซบุ๊คคือ เราทำงานหนักกันตลอดเวลา พวกเรานั่งเขียนโค้ดกันหน้าคอมอยู่ถึง 6 ปี ผมเชื่ออย่างมาก ว่า คนเราจะถูกจดจำในสิ่งที่พวกเขาสร้าง และถ้าคุณสร้างอะไรที่ทำให้ชีวิตคนดีขึ้นนั่นแหละคือสิ่งที่ดีมากๆ เลย
ในโลกที่หมุนไปไว คุณรู้ว่าถ้าคุณไม่เปลี่ยนแปลง คุณจะพ่ายแพ้ การไม่ลองเสี่ยงนั่นแหละคือสิ่งที่เสี่ยงที่สุด...
แต่สิ่งที่นำทึ่งมากๆ เกี่ยวกับมาร์คก็คือว่า ทั้งๆ ที่เงินมากองอยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมหาศาล แต่เขากลับไม่กระโจนเข้าใส่อย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะเชื่อไหมว่ามีหลายค่ายออนไลน์ดังทั้งยาฮู (yahoo) และไมโครซอฟท์ (Microsof) ที่ต่างเสนอตัวมาซื้อกิจการของเขาหลายหมื่นล้าน แต่เขากลับปฏิเสธไป
ในขณะที่คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊คด้วยกันมา ต่างเห็นดีเห็นงามให้เขากอบโกยกำไรเยอะๆ จากสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น แต่มาร์คกลับไม่แสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือที่จะอยากได้อยากมีออกมาให้เห็นเลย โดยเขาบอกว่า
"จริงๆ ผมไม่ได้ต้องการเงิน แล้วอีกอย่างผมคิดว่าชาตินี้คงคิดไอเดียเด็ดๆ ขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้ว"
หากจะแปลความหมายแบบลึกซึ้งและวิเคราะห์ความสำเร็จของผู้ชายคนนี้คงต้องบอกว่า เขามีจุดยืนที่มั่นคงและเชื่อมั่นในไอเดียของตนและที่สำคัญมากๆ ก็คือ เขามีสัญชาตญาณที่แม่นยำ ที่รู้ว่าไอเดียเด็ดๆของเขานั้นจะเป็นจริงได้และจะพลิกประวัติศาสตร์ พลิกวิถีชีวิตของคนทั้งโลก แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ ผ่านการทำงานหนักของเขา
แลน เมอเลย์ ผู้ก่อตั้ง ไวน์ยาร์ด ไวด์" ผู้ประกอบการที่ติดหนึ่งในท็อป 500 ที่น่าสนใจ อย่างเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ "Vine" ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจจากเงินลงทุนที่ไม่มากนัก แต่ปัจจุบันสามารถสร้างแบรนด์และมียอดขายต่อปีถึง 37 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยครอบคลุมประเภทของเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งของผู้ใหญ่และเด็ก โดยจำหน่ายทั้งทางออนไลน์และร้านค้ากว่า 600 ร้านทั่วประเทศ เขากล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นเพราะได้ทำในสิ่งที่รัก หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเราสนุกกับสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่แค่การทำเงิน คุณจะค้นพบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณค้นพบสิ่งที่คุณรักและสิ่งที่คุณต้องการจะทำมัน"
ในขณะที่ผู้ประกอบการอีกรายที่ทำธุรกิจในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ เพราะในเวลาที่เริ่มต้นพวกเขายังใหม่เกินไป แต่แล้ว ดัสติน ชินโด คาร์ล ทาร์ฟ ก็พัฒนาธุรกิจของพวกเขาด้วยการใช้พลังงานสะอาดภายใต้ชื่อ "โฮคุ ไซทิฟิก อินซ์" โดยเริ่มจากเงินลงทุนก้อนแรกที่ได้มาจากการเป็นหนี้บัตรเครติต จำนวน 1 แสนเหรียญ
จนถึงวันนี้พวกเขาผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบที่เกี่ยวกับสิ่งที่ทำมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่แม้ใช้เวลาสั้นๆ ก็สามารถทำเงินได้ถึง 10 ล้านเหรียญ โดยชินโดยบอกถึงเคล็ดลับความสำเร็จว่า
"ความหลงใหล การจัดการที่มีประสิทธิผลเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จแน่นอนว่าพวกเราไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการ และนี่ไม่ใช่แค่ธุรกิจแต่มันหมายถึงชีวิตของเรา"
ที่เอามาเล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงบางส่วนบางตอนของเคล็ดลับความสำเร็จที่หยิบมาฝาก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจใหม่ๆ อย่ามองแต่เพียงว่าธุรกิจนี้ ธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่มาแรง หรืออยู่ในกระแส แล้วจะหวังว่าความสำเร็จนั้นทอดยาวอยู่เบื้องหน้าทันทีที่คุณเลือกทำในสิ่งที่คุณรักและรักในสิ่งที่คุณตัดสินใจทำ ความสำเร็จของคุณมาครึ่งทางแล้ว ต่อไปเราจะดูกันว่าคุณสมบัติที่ควรจะมีสำหรับนักธุรกิจใหม่ไฟแรงอย่างคุณต้องมีอะไรกันบ้าง