กำเนิด ‘ชานมไข่มุก’ ซึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญในไต้หวัน โดย ‘หลินซิ่วฮุย’ ผู้จัดการร้านชา ที่หยิบขนมโปรดมากินตอนประชุมเครียด
.
‘ฝรั่ง’ เรียก Bubble Tea ‘ไต้หวัน’
เรียก Boba Tea ส่วน ‘พี่ไทย’ เรียก ‘ชานมไข่มุก’
.
ไม่น่าเชื่อว่า เครื่องดื่มธรรมด๊าธรรมดา อย่างชานมไข่มุกจะกลายเป็นเมนูยอดนิยม ที่เดินทางไกลมาจากยุค 90 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ก่อกำเนิดวัฒนธรรม และส่งผลกระทบทางสังคม ไปจนถึง ‘การเมือง’
.
นั่นคือ พันธมิตรชานม (Milk Tea Alliance) โดยชาวเน็ตฮ่องกง ไต้หวัน และไทย เพราะชาดังกล่าวเป็นที่นิยมอย่างมากใน 3 ประเทศ ขณะที่ประเทศจีนไม่นิยมบริโภค และถึงขั้นรังเกียจ ‘ชาไข่มุกไต้หวัน’
.
นอกจาก Boba Tea ชานมไข่มุกมีชื่อเรียกอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น BBT, Milk Tea, Pearl Tea, PT, Black Pearl Tea, Pearl Shake, Tapioca Milk Tea, QQ (ซึ่งหมายถึง ‘เคี้ยวเคี้ยว’ ในสำเนียงจีน) Zhen Zhou Nai Cha และอีกมาก
.
แฟนพันธุ์แท้ชานมไข่มุกที่ติดตามเมนูมาหลายสิบปี หลายคนอาจไม่เคยคิด และนึกถึง ‘ผู้ให้กำเนิด’ เครื่องดื่มยอดนิยมแห่งยุคสมัย ที่ใคร ๆ ต่างชื่นชอบ
.
นั่นก็คือ ‘หลินซิ่วฮุย’ (Lin Hsiu Hui) ผู้ให้กำเนิดชานมไข่มุกด้วยความบังเอิญ ก่อนจะกลายมาเป็นเมนูของหวานผสมเครื่องดื่มที่ลือลั่นไปทั่วโลก
.
และนี่คือเรื่องราวของหลินซิ่วฮุย ผู้ให้กำเนิดชานมไข่มุก
.


ร้านชา ‘ชุนฉุ่ยถัง’ (Chen Shui Tang) ต้นกำเนิดชานมไข่มุก
.
ชานมไข่มุก ที่ปัจจุบันได้กลายเมนูเครื่องดื่มยอดนิยมไปทั่วโลก มีรากฐานมาจากไต้หวัน ช่วงปลายทศวรรษ 1980
.
ต้นกำเนิดชานมไข่มุก เริ่มต้นขึ้นที่ร้านชา ‘ชุนฉุ่ยถัง’ (Chen Shui Tang) ของ ‘หลิวฮานเฉิน’ (Liu Han Chien) ชายผู้ขายชาอูหลงจากภูเขาสูงแห่งเมืองไทจง
.
หลิวฮานเฉินขายชาอูหลงมาชั่วชีวิตที่ร้านชุนฉุ่ยถังของเขา โดยเขาได้รักษาขนบการดื่มชาอูหลงแบบดั้งเดิมเอาไว้เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะเริ่มมีความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดเมนูชาอูหลงแบบดั้งเดิม ให้เป็นเมนูที่คนรุ่นใหม่หันมาลิ้มลอง
.
แนวคิดของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่ได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น เห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นนิยมดื่มกาแฟเย็น เมื่อกลับไต้หวัน เขาจึงทดลองใส่นมลงไปในชาอูหลง กลายเป็นเมนู ‘ชาอูหลงใส่นมร้อน’
.
จากนั้น เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากกาแฟเย็น หลิวฮานเฉินได้ทดลองนำชาอูหลงและนม ใส่ลงไปในเชคเกอร์ค็อกเทลพร้อมน้ำแข็ง แล้วเขย่าให้เข้ากัน
.
ปรากฏว่า หนุ่มสาวชาวไต้หวันชื่นชอบเป็นอย่างมาก อาจเรียกได้ว่าเมนูนี้ถือเป็นการปฏิวัติประวัติศาสตร์ชาจีนก็ว่าได้ เพราะในเวลานั้น ยังไม่มีใครเสิร์ฟ ‘ชานมเย็น’ ในร้านชามาก่อน
.
จากนั้น ‘ชาอูหลงนมเย็น’ ของหลิวฮานเฉินแห่งร้านชุนฉุ่ยถังก็ได้รับความนิยมมาก จนธุรกิจของเขาเติบโตแบบก้าวกระโดด ชุนฉุ่ยถังกลายร้านขายชารายใหญ่ที่สุดของไต้หวันในช่วงเวลานั้น
.
ต่อมา ‘หลินซิ่วฮุย’ (Lin Hsiu Hui) พนักงานประจำร้านชุนฉุ่ยถัง จึงต่อยอด ‘ชาอูหลงนมเย็น’ ของหลิวฮานเฉินให้กลายเป็น ‘ชานมไข่มุก’ เครื่องดื่มบันลือโลกในเวลาต่อมา
.

กำเนิด ‘หลินซิ่วฮุย’ ผู้ทำคลอด ‘ชานมไข่มุก’
.
ชานมไข่มุก คือชื่อเรียก ชาเย็นที่มีชั้นโฟมหนาด้านบนของเครื่องดื่ม ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเติมชาจีน นม น้ำแข็ง แล้วเขย่าให้เข้ากัน
.
ไฮไลท์สำคัญของชานมไข่มุกก็เป็นไปตามชื่อเรียก นั่นคือ จะมีการเติม ‘ไข่มุก’ หรือ ‘ลูกมันสำปะหลังปั้นขนาดใหญ่’ เข้าไปในแก้ว
.
จะเห็นได้ว่าลูกมันสำปะหลังปั้นขนาดใหญ่เป็นสิ่งที่เติมเข้ามาจากชาอูหลงนมเย็นของหลิวฮานเฉิน เจ้าของร้านชุนฉุ่ยถัง ซึ่งอันที่จริงแล้วลูกมันสำปะหลังปั้นขนาดใหญ่สีดำนั้นคือ ‘เหลียงหยวน’ (Fen Yuan) ขนมขบเคี้ยวสุดโปรดของหลินซิ่วฮุยผู้จัดการชุนฉุ่ยถัง ร้านชาชื่อดังแห่งไต้หวันนั่นเอง
.
ต่อมา ‘ลูกมันสำปะหลังปั้นขนาดใหญ่ที่มีสีดำ’ ได้รับการตั้งชื่อใหม่ให้ว่า Black Pearl หรือ ‘ไข่มุกดำ’ ตามลักษณะกลมใสสีดำเงางาม หน้าตาคล้าย ‘ไข่มุก’
.
เมื่อมาผสมกับชานมเย็นจึงกลายมาเป็นเมนูบันลือโลก นั่นคือชานมไข่มุก หรือ Black Pearl Tea หรือบางทีก็เรียกกันว่า Pearl Shake
.
ต้นกำเนิด ชานมไข่มุก เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1987 เมื่อ หลิวฮานเฉินเจ้าของร้านชุนฉุ่ยถัง ผู้คิดค้นชาอูหลงนมเย็น ได้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้กับพนักงาน โดยมีแคมเปญแข่งขันในหมู่พนักงาน ให้เล่นเกมคิดค้นส่วนผสมใหม่ ๆ แบบสร้างสรรค์ เพื่อรับรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของขวัญปีใหม่
.
แม้ในงานเลี้ยงปีใหม่คืนนั้น จะไม่มีเมนูแปลกใหม่ที่ได้จากการแข่งขัน แต่ในวันถัดมา คือการประชุมประจำเดือนของร้านชาชุนฉุ่ยถัง ไม่มีใครรู้ว่า วันดังกล่าวจะกลายเป็นต้นกำเนิดชานมไข่มุกสะท้านโลกในเวลาต่อมา

.

‘ชานมไข่มุก’ เมนูเขย่าโลก ที่เกิดจาก ‘ความบังเอิญ’
.
ปีใหม่ 1988 ‘ชานมไข่มุก’ ได้ถือกำเนิดขึ้นโดย ‘ความบังเอิญ’
.
การประชุมประจำเดือนของร้านชาชุนฉุ่ยถัง ขณะที่หลิวฮานเฉิน และพนักงานทุกคนกำลังเคร่งเครียดกับการประชุม ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อคิดค้นสูตรชาใหม่ ๆ ออกขาย เนื่องจากคนเริ่มเบื่อชาสูตรเก่า ๆ กันแล้ว
.
ไอเดียใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นจากงานเลี้ยงปีใหม่เมื่อตอนสิ้นปี
.
อยู่ ๆ หลินซิ่วฮุย ผู้จัดการร้านชาชุนฉุ่ยถัง กำลังหยิบเหลียงหยวน หรือลูกมันสำปะหลังปั้น (หน้าตาคล้ายสาคูบ้านเราแต่ขนาดใหญ่กว่า) ซึ่งเป็นของกินเล่นแสนโปรดของเธอใส่ปาก
.
หลิวฮานเฉิน เจ้าของร้าน เกิดอารมณ์เสียเพราะที่ประชุมคิด ๆ เท่าไหร่ก็คิดสูตรชาใหม่ไม่ได้สักที
.
หลินซิ่วฮุย ผู้จัดการร้าน ก็อารมณ์เสียไม่แพ้กัน จึงเทเหลียงหยวน ลงไปในแก้วชานมเย็น ที่เธอกำลังดื่ม
.
จบการประชุมที่ไม่ได้สูตรชาใหม่ใด ๆ เกิดขึ้นเลย ขณะที่ทุกคนเดินออกจากห้องประชุมไปหมด หลินซิ่วฮุย หยิบแก้วชานมเย็นขึ้นมาดูด ปรากฏว่าเหลียงหยวน หรือลูกมันสำปะหลังปั้นขนาดใหญ่สีดำติดหลอด ทำให้ดูดน้ำชาไม่ขึ้น
.
หลินซิ่วฮุย จึงเปิดแก้ว แล้วลองเขี่ยเหลียงหยวนขึ้นมากิน พร้อมดูดน้ำชา ปรากฏว่า อร่อยมาก!
.
เธอจึงเดินไปให้เพื่อนพนักงาน และหลิวฮานเฉิน เจ้าร้านชาชุนฉุ่ยถังลองชิมดูบ้าง ทุกคนลงความเห็นเช่นเดียวกันกับเธอว่า อร่อยมาก!
.


ชานมไข่มุกทะลุโลก
.
“แม้จะออกจากห้องประชุมกันมาแล้ว แต่ทุกคนในที่ประชุมวันนั้นชอบมันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลิวฮานเฉิน ซึ่งได้อนุมัติสูตร และทำออกขาย หลังจากวางขาย ปรากฏว่าชานมไข่มุกทำรายได้แซงชาแบบอื่น ๆ ทั้งหมดในเวลาแค่ 2 เดือน และแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเป็นสิบ ๆ ปี ชานมไข่มุกก็ยังทำรายได้ 90% ของยอดขายร้านชุนฉุ่ยถังทั้งหมด” หลินซิ่วฮุยเล่าที่มาของจุดกำเนิดชานมไข่มุก
.
ปัจจุบัน หลินซิ่วฮุย ยังคงทำงานให้กับชุนฉุ่ยถัง ในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขณะที่ชานมไข่มุกได้รับความนิยมไปทั่วโลก และทำยอดขายถล่มทลาย โดยเฉพาะในย่านที่มีคนเอเชียอาศัยอยู่
.
จากไต้หวัน ชานมไข่มุกได้แพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในชุมชนคนเอเชียทั่วโลก และร้านชาชุนฉุ่ยถังก็ไปเปิดสาขาในย่านเกาลูน กวนตง ฮ่องกง นอกจากนี้ยังมีร้านชานมไข่มุกผุดขึ้นมากมายในอเมริกาเหนือ และยุโรป รวมถึงออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทย
.
การที่ชานมไข่มุกเป็นเซคเมนต์ใหม่ในตลาดเครื่องดื่มที่เดิมก็มีการแข่งขันรุนแรงอยู่แล้ว ส่งผลให้มีการปรุงแต่งแตกสายรสชาติ และคุณภาพของชานมไข่มุกที่แตกต่างกันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ชานมมะลิ ชานมเผือก ชาเขียวมะม่วง หรือแม้แต่ชานมอะโวคาโด
.
อีกทั้งยังมีท็อปปิ้งที่หลากหลายยิ่งกว่ารสชาติชา ไม่ว่าจะเป็น ว่านหางจระเข้ บราวน์ชูการ์ อัลมอนด์ มะม่วง ไปจนถึงทุเรียน
.
การสำรวจตลาดซึ่งจัดทำโดย ‘Growth Capital’ ระบุว่า ในปี ค.ศ. 2023 ‘ตลาดชานมไข่มุก’ ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในซีกโลกตะวันออก นั่นคือ ‘จีน’ ที่มีจุดขายเกือบ 480,000 แห่ง โดยไต้หวันซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิด มี ร้านชานมไข่มุกมากกว่า 21,000 แห่ง ส่วนตลาดซีกโลกตะวันตกคือ ‘สหรัฐอเมริกา’ ที่มีจุดขาย 5,000 กว่าแห่ง
.
โดยประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครองผู้นำตลาดชานมไข่มุกถึง 40% ของตลาด โดยมีสหรัฐอเมริกาตามมาเป็นอันดับสองมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 35% ในขณะที่ยุโรปคิดเป็น 11% ของตลาดโลก
.
เรื่อง : จักรกฤษณ์ สิริริน